วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

young man shop



ถั่งเช่า
   ถั่งเช่า หรือ ตังถั่งเช่า คือ พืชตระกูลเห็ดราในสกุล Ophiocordyceps มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าOphiocordyceps sinensis มีชื่อเรียกทั่วไปอีกว่าหญ้าหนอน เกิดจากการที่ตัวหนอนอ่อนของตัวด้วงจำพวกผีเสื้อ หนอน มอด ตั๊กแตน หรือด้วงค้างคาวซึ่งมีเชื้อ มุดเข้าไปอยู่ใต้ดินในช่วงฤดูหนาว และค่อย ๆ กลายสภาพเป็นเชื้อราที่มีชื่อว่า Sclerotea และเมื่อถึงฤดูร้อนเส้นใยในตัวหนอนที่ตายแล้วก็จะสร้างดอกออกมาปกคลุมตัวหนอนจนมีรูปร่างคล้ายกระบอง จากนั้นก็จะเจริญเติบโตขึ้นมีลักษณะกลายต้นหญ้า โดยถั่งเช่า ประกอบด้วย 2 ส่วนได้แก่ ตัวหนอน และเห็ดที่เจริญเติบโตขึ้นบริเวณส่วนหัวของหนอน มีชื่อว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. รสชาติของถั่งเช่าออกขม และอมหวานเล็กน้อย สามารถกินได้ทั้งแบบสด ๆ หรือนำไปต้มเพื่อรับประทานก็ได้ ทั้งนี้ ถั่งเช่าที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ได้แก่ ถั่งเช่า และถั่งเช่าสีทอง ซึ่งเป็นเห็ดในสกุลเดียวกัน และมีสรรพคุณใกล้เคียงกัน



          ถั่งเช่าได้รับการขนานนามว่า "ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย" เนื่องจากมีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องการเสริมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรที่อยู่ในแถบที่ราบสูงทิเบต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสูงจากน้ำทะเลมากกว่า 4,000 เมตรขึ้นไป นอกจากนี้ก็ยังสามารถพบได้ในบริเวณภาคใต้ของมณฑลชิงไห่ เขตซางโตวในทิเบต มณฑลกานซู ภูฏาน เนปาล และยังมีการเพาะเห็ดชนิดนี้ในมณฑลเสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว ถั่งเช่า ถือเป็นสมุนไพรจีนที่หายากและราคาแพง แต่มีสรรพคุณมากมาย ทำให้เจ้าสมุนไพรชนิดนี้ยังคงความนิยมสูงนั่นเอง 
ถั่งเช่า สรรพคุณเด่น ๆ ที่อยากให้รู้
ประโยชน์ของถั่งเช่ามีมาก ไม่ว่าจะต้านมะเร็ง หรือ ลดระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดไขมันในเลือด มากมายในคุณประโยชน์          ถั่งเช่าถือเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโพลีแซคคาไรด์ (galactomannan) นิวคลีโอไทด์ (adenosine) กรดคอร์ไดเซปิก (Cordycepic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีเฉพาะในถั่งเช่า อีกทั้งยังมีกรดอะมิโน และเออร์โกสเตอรอล (Ergosterol) ที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อรา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสารอาหารที่สำคัญ อาทิ โปรตีน วิตามิน E วิตามิน K วิตามิน B1 วิตามิน B2 วิตามิน B12โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม จึงทำให้ถั่งเช่ากลายเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในการบำรุงสุขภาพและรักษาอาการบางชนิด โดยที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการเสริมสมรรถภาพทางเพศ เราไปดูกันดีกว่าว่าสรรพคุณของถั่งเช่าจะมีอะไรบ้างค่ะ

1. ช่วยปรับการทำงานของหัวใจ

          ในเรื่องของหัวใจ ถั่งเช่าถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติได้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการหัวใจขาดออกซิเจน และเพิ่มออกซิเจนให้หัวใจได้ เหมาะสำหรับบำรุงผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

2. เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน


          ในเรื่องของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ถั่งเช่าก็ทำได้ดีไม่ใช่น้อย เพราะถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ ช่วยให้ร่างกายสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันมากขึ้น กระตุ้นการสร้างแอนติบอดีในร่างกาย เพื่อเพิ่มจำนวนของเซลล์ที่ใช้เพื่อกำจัดเซลล์แปลกปลอมหรือเซลล์ที่ตายแล้ว แต่ก็ต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะการใช้มากเกินไปสารในถั่งเช่าอาจไปกดการทำงานบางอย่างของระบบภูมิคุ้มกันได้


3. ต้านมะเร็ง

          นอกจากเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันแล้ว ถั่งเช่าก็ยังมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง โดยเจ้าสารคอร์ไดเซปิน (Cordycepin) ที่อยู่ในถั่งเช่าถือเป็นสารที่มีความสำคัญในการต่อต้านการเกิดมะเร็ง ป้องกันการเกิดและการแพร่กระจายของเนื้อร้าย รวมทั้งยังป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาหายแล้วกลับมาเป็นซ้ำอีกด้วย

4. ลดไขมันในเลือด

          อีกสรรพคุณหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คงจะเป็นการควบคุมระดับไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยอื่น ๆ อย่างเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้ ฟื้นฟูการทำงานของไต  สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง การรับประทานถั่งเช่าจะช่วยบรรเทาอาการลง และทำให้สุขภาพไตดีขึ้น อีกทั้งยังลดความเสียหายของไตที่เกิดจากสารพิษตกค้างได้ค่ะ

5. เสริมสร้างการทำงานของตับ

          สารพิษเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตับถูกทำลาย การกินถั่งเช่าเป็นอาหารเสริมจะช่วยลดผลกระทบจากสารพิษ และป้องกันการเกิดพังพืดในตับ ขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระก็ยังเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบได้ด้วย

6. บำรุงโลหิต

          นอกจากจะบำรุงตับ ไต รวมทั้งหัวใจแล้ว สารที่อยู่ในถั่งเช่าก็ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบโลหิต ทำให้ร่างกายสร้างไขกระดูกมากขึ้นซึ่งทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกสร้างในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย

7. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

          สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ถั่งเช่าถือเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่ช่วยลดน้ำตาลได้ โดยมีการศึกษาพบว่า การรับประทานถั่งเช่าวันละ 3 กรัม จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95% ซึ่งมากกว่าการใช้ยาแผนปัจจุบันที่ควบคุมได้เพียงแค่ 54% 


ข้อควรระวังในการใช้ถั่งเช่า

          เดี๋ยวนี้หาทานถั่งเช่าได้ง่ายขึ้น เพราะมีการผลิตถั่งเช่าสกัดแบบแคปซูลออกมา แต่แม้ว่าถั่งเช่าจะมีสรรพคุณในการดูแลสุขภาพและบรรเทาอาการเจ็บป่วย ก็ยังมีสิ่งที่ควรระมัดระวังในการรับประทานถั่งเช่าอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน การรับประทานถั่งเช่าสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ แต่ถ้าหากใช้ควบคู่ไปกับยาลดน้ำตาลอาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำจนเป็นอันตรายได้เช่นกัน ผู้ที่ใช้ยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด และผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันก็ไม่ควรรับประทาน เพราะถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน หากใช้แล้วอาจจะเกิดอันตรายได้ 




ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรสุดฮิตในปัจจุบัน เป็นการใช้ตามสรรพคุณของภูมิปัญญาที่มีมานานกว่าศตวรรษ แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาทางคลินิกยังมีน้อย ฉะนั้นการใช้ถั่งเช่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ ถั่งเช่ามีราคาสูงมาก ทั้งนี้ยังพบว่าในท้องตลาดมีถั่งเช่าหลายระดับคุณภาพมาก ตามภูมิปัญญาของจีนมีการจัดคุณภาพของถั่งเช่าเป็น 3 ระ ดับ ระดับที่ดีที่สุด ความยาวของตัวเห็ดจะเท่ากับความยาวของตัวหนอน (ประมาณ 3-4 เซนติเมตร) ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าสีทองซึ่งเป็นเห็ดสกุลเดียวกับตังถั่งเช่า (Cordyceps) แต่คนละชนิด (species) และมีการกล่าวอ้างว่ามีคุณภาพดีกว่าตังถั่งเช่า ซึ่งจะต้องมีการศึกษาพิสูจน์ต่อไป นอกจากนี้ขนาดบริโภคของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร ขนาดการใช้ที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้ การใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงในนมบุตร และในเด็ก ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ และห้ามใช้ในคนที่แพ้เห็ด Cordyceps ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ฉะนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้และควรมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการใช้ถั่งเช่าในการรักษาโรคเพื่อความปลอดภัยและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
เอกสารอ้างอิง
http://www.naturalstandard.com/

Shashidhar MG, Giridhar P, Udaya Sankar K, Manohar B. Bioactive principles from Cordyceps sinensis: A potent food supplement – A review. J Functional Food 2013;5(3):1013-30.




Zinc


สังกะสี (ซิงค์หรือ Zinc เป็นตัวช่วยควบคุมให้กระบวนการต่าง ๆในร่างกายดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคอยช่วยซ่อมบำรุงระบบเอนไซม์และเซลล์ต่าง ๆ หากร่างกายมีเหงื่อออกมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายต้องสูญเสียสังกะสีไปมากถึง 3 มิลลิกรัม ต่อวัน
แหล่งที่พบซิงค์ได้ในธรรมชาติ ได้แก่ อาหารทะเล หอยนางรม เนื้อสัตว์ เนื้อวัวไม่ติดมันแบบย่าง เนื้อลูกแกะ ตับลูกวัว ไข่ นมผงปราศจากไขมัน มัสตาร์ดแบบแห้ง จมูกข้าวสาลี แป้งงา เนยงา ถั่วลิสง เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดก๋วยจี๊ ผงโกโก้ ช๊อคโกแลต บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
ศัตรูของธาตุสังกะสี คือ ไฟเทต ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสังกะสีได้ และสังกะสีมักถูกทำลายจากกระบวนการแปรรูปอาหาร หรืออาจมีปริมาณน้อยมากเนื่องจากพืชผักนั้นปลูกในดินที่ไม่มีแร่ธาตุ และโรคจากการขาดสังกะสี ได้แก่ โรคต่อมลูกหมากโต อวัยวะสืบพันธุ์ไม่เจริญเต็มที่ และโรคผนังหลอดเลือดแดงแข็ง
คำแนะนำในการรับประทานซิงค์


·        ธาตุสังกะสี จะทำงานร่วมกับ วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ได้ดีที่สุด
·        หากคุณเพิ่มธาตุสังกะสีในอาหาร ร่างกายคุณอาจต้องการวิตามินเอเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
·        ซิงค์มักเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมในรูปของวิตามินรวมหรือแร่ธาตุรวม หรืออาจะอยู่ในรูปแบบที่รวมอยู่กับวิตามินซี แมกนีเซียม หรือ วิตามินบีรวมก็ได้ โดยไกลซิเนตซิงค์ซิเทรต เป็นสังกะสีในรูปแบบที่ดีที่สุด

·        คุณอาจหาซื้อได้ในรูปของ ซิงค์ซัลเฟต ซิงค์กลูโคเนต ซิงค์พิโคลิเนต ในขนาดตั้งแต่ 15 – 50 mg. โดยซิงค์ซัลเฟตและซิงค์กลูโคเนตจะมีประสิทธิภาพดีพอ ๆกัน แต่ซิงค์กลูโคเนตจะรับประทานได้ง่ายกว่า
·        ซิงค์ในรูปของลูกอมแก้หวัด เวลาอมควรปล่อยให้ละลายในปากเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจส่งผลทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี และทำให้ขาดทองแดงได้ โดยขนาดมากกว่า 1,000 mg. ขึ้นไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
·        ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่ต่อวันคือ 12 – 15 mg. และสำหรับหญิงให้นมบุตรตั้งแต่ 15 mg. ขึ้นไป
·        สำหรับผู้ที่รับประทาน วิตามินบีในปริมาณมาก ควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
·        สำหรับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
·        สำหรับผู้สูงอายุที่มีความกังวลเรื่องความแก่ชรา สังกะสีและแมงกานีส คือคำตอบสำหรับคุณ
·        สำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ควรรับประทานสังกะสีเพิ่ม ก่อนจะไปรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
·        สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องโรคต่อมลูกหมากหรือไม่ก็ตาม ก็ควรที่จะได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ
·        สำหรับผู้ที่เสื่อมสรรถภาพทางเพศควรรับประทานสังกะสีร่วมกับวิตามินบี6
·        สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มี ธาตุเหล็ก และธาตุสังกะสี ควรแยกเวลาในการรับประทาน เนื่องจากมันอาจขัดขวางการทำงานของกันและกันได้
·        หากคุณมีอาการท้องร่วงหรือรับประทานใยอาหารในปริมาณสูง ระดับของธาตุสังกะสีในร่างกายจะต่ำลง
·        สังกะสี สามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ แต่หากเกินกว่า150 mg. ต่อวันแล้ว อาจไปขัดขวางการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันซะเอง